ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นหลังจากคุณ Joe Biden ได้ประกาศถอนตัวจากการลงสมัครเลือกตั้งเพื่อป้องกันตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งภายหลังจากได้ประกาศยุติบทบาทผู้สมัครลงเลือกตั้งจากฝั่ง Democrat แล้ว คุณ Joe Biden นั้นได้กล่าวสนับสนุน Kamala Harris รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการหาเสียงร่วมกันกับ Joe Biden มาโดยตลอดนับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2020 ให้เป็นผู้สมัครของพรรค Democrat แทนตนเอง
รู้จักกับคุณ Kamala Harris ผู้รับไม้ต่อจาก Joe Biden
คุณ Kamala Harris เกิดที่เมือง Oakland รัฐ California โดยมีบิดาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจาเมกา ขณะที่มารดาเป็นนักชีวการแพทย์ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย โดย Harris ได้รับเลือกเป็นอัยการเขต San Francisco ตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2010 ก่อนที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดของรัฐ California ในปี 2011 ซึ่งถือว่าได้สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้หญิงคนแรก ชาวอเมริกันผิวสีคนแรก และชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้
ขณะที่อาชีพการเมืองคุณ Kamala Harris นั้นถือว่าเป็นคนแรกในหลายๆ ด้านเช่นกัน โดยในปี 2017 Harris ได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐ California คนแรกที่มีเชื้อสายอินเดีย และภายหลังจากที่พรรค Democrat สามารถชนะการเลือกตั้งได้ในปี 2020 Harris ได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีที่เป็นผู้หญิง เป็นชาวอเมริกันผิวสี และมีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกในประวัติศาสตร์อีกด้วย
นอกจากคุณ Kamala Harris ได้รับการสนับสนุนให้เป็นแคนดิเดตต่อจากคุณ Joe Biden แล้ว Harris ยังได้รับความไว้วางใจ และการสนับสนุนจากบุคคลากรคนสำคัญจากพรรค Democrat เช่น คุณ Bill Clinton อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคุณ Nancy Pelosi อดีตประธานสภาฯ เป็นต้น นอกจากนี้ คุณ Kamala Harris สามารถระดมทุนจากผู้บริจาคเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งไปได้ถึง $81 ล้านเหรียญ หลังจากประกาศลงเลือกตั้งได้เพียงแค่ 1 วันเท่านั้น
ขณะที่ผลสำรวจสมาชิกพรรค Democrat ที่รวบรวมโดยสำนักข่าว AP ได้รายงานว่าจำนวนเสียงสนับสนุนจากสมาชิกคองเกรสจากพรรค Democrat นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าจำนวนเสียงขั้นต่ำ ซึ่งสมาชิกในพรรคจำนวน 2,668 ราย พร้อมหนุนหลัง คุณ Kamala Harris ลงเลือกตั้งครั้งนี้ และคาดว่าน่าจะมีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือกให้เป็นผู้สมัครลงเลือกตั้งจากการประชุมใหญ่ของพรรค Democrat ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคมนี้
ในส่วนของนโยบายหาเสียงของคุณ Kamala Harris นั้น ถือว่าใกล้เคียงกับนโยบายของคุณ Joe Biden โดยนโยบายการหาเสียงในครั้งนี้มุ่งเน้นไปในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด การส่งเสริมอุตสาหกรรม Semiconductor ภายในประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยค่าใช้จ่ายที่ย่อมเยาว์ได้
ความท้าทายของคุณ Kamala Harris และท่าทีของพรรค Republican
แม้ว่าคะแนนความนิยมของคุณ Kamala Harris ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ทางฝั่งพรรค Republican ก็ยังคงรักษาระดับคะแนนความนิยมที่สูงมาโดยตลอด ซึ่งคุณ Donald Trump ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย หลังจากการดีเบตกับคุณ Joe Biden ได้จบลง และการรอดชีวิตจากการลอบสังหารในการหาเสียงที่เมือง Milwaukee รัฐ Wisconsin นอกจากนี้ คุณ Donald Trump ได้ออกมาให้ความเห็นว่าการเปลี่ยนตัวผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากฝั่งพรรค Democrat นั้น ยิ่งทำให้ตนมีโอกาสชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้สูงขึ้น เนื่องจากมองว่านโยบายหาเสียงของคุณ Kamala Harris ไม่ได้แตกต่างจากนโยบายคุณ Joe Biden อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน พรรค Republican ได้มีท่าทีที่จะตอบโต้ทางกฎหมายต่อการเปลี่ยนตัวผู้สมัครกลางคัน โดยคุณ Mike Johnson ประธานสภาคองเกรสจากพรรค Republican ได้เผยว่าทางพรรคกำลังมองหาทีมทนายเพื่อยื่นคัดค้านผู้ลงสมัครคนรองจากพรรค Democrat ซึ่งอาจสร้างความท้าทายให้กับเส้นทางในการเลือกตั้งของคุณ Kamala Harris ได้
โดยรวมแล้ว เส้นทางอาชีพในงานด้านต่าง ๆ ของคุณ Kamala Harris ถือได้ว่าเป็นชาวอเมริกันที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติคนแรกๆ ที่ได้รับเลือกจากประชาชนให้ดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งในงานด้านตุลาการ และงานด้านการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้สูงที่คุณ Kamala Harris จะได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตในการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้จากพรรค Democrat อีกด้วย อย่างไรก็ดี หากคุณ Kamala Harris ได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตแล้วก็ยังต้องพิสูจน์ตนเองในเวทีดีเบตที่จะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 10 กันยายน นี้ ซึ่งอาจเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในผลการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ และหากตัวเธอสามารถเอาชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ได้อีก Kamala Harris ก็จะได้จารึกชื่อในประวัติศาสตร์ว่าเธอคือประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศสหรัฐเมริกา
Source: Bloomberg, CNN, fivethirtyeight.com, AP
